11 สายพันธุ์หมาหน้าสั้น กับโรคร้ายที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

11 สายพันธุ์หมาหน้าสั้น กับโรคร้ายที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

สายพันธุ์หมาหน้าสั้น (Brachycephalic Dog) พร้อมโรคร้ายที่ต้องระวัง หากคิดจะเลี้ยงควรศึกษาวิธีเลี้ยงที่ถูกต้อง ไม่ควรเลี้ยงตามกระแส เพราะหมาหน้าสั้นเลี้ยงไม่ง่ายเหมือนหมาทั่วไป

หมาหน้าสั้น (Brachycephalic Dog) เป็นสายพันธุ์ของหมาที่ลักษณะกะโหลกศีรษะกลม ปากและจมูกสั้น ตาใหญ่และโปน เบ้าตาตื้นกว่าปกติ กรามเป็นเหลี่ยมชัดเจน และกรามบนจะสั้นกว่ากรามล่าง ทำให้สุนัขบางตัวที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้มีฟันล่างยื่นออกมา ด้วยลักษณะที่กล่าวมาทำให้หมาหน้าสั้นมีความเสี่ยงในการเป็นโรคต่าง ๆ มากกว่าสุนัขทั่วไป ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ดังนี้

1. ปั๊ก (Pug)

ลักษณะทั่วไป
สูง 12-14 นิ้ว หนัก 6-9 กิโลกรัม ศีรษะกลมและมีขนาดใหญ่ ตาใหญ่ หูพับลง ผิวหนังบริเวณใบหน้าจะพับย่น หางม้วนขึ้น ขนสั้น นุ่ม ลื่น มีน้ำตาลอ่อนและดำ นิสัยร่าเริง กระตือรือร้น มีความระมัดระวังสูง ซื่อสัตย์ รักและติดเจ้าของมาก

โรคที่ต้องระวัง
ปั๊กเป็นสุนัขที่เป็นไข้หวัดง่ายมาก ถ้าต้องเจอกับอากาศร้อนหรือหนาวจัดจะเกิดภาวะเครียด มักมีปัญหาเกี่ยวกับตา การหายใจ มีความเสี่ยงในการเป็นเนื้องอก การคลอดต้องอาศัยการผ่าตัดเท่านั้นเนื่องจากแม่สุนัขมีสะโพกแคบ ส่วนหัวและใหญ่ของลูกจะใหญ่

2. บูลด็อก (Bulldog)

ลักษณะทั่วไป
สุนัขขนาดกลาง สูง 12-16 นิ้ว หนัก 22-25 กิโลกรัม ผิวหนังมีลักษณะคล้ายรอยพับ ศีรษะใหญ่ ขาสั้น เนื้อบริเวณหน้าผากและใบหน้าจะเยอะและย่นลงมา จมูกแบน รูจมูกใหญ่ กรามใหญ่ และหูจะมีขนาดเล็ก นิสัยเป็นมิตร ชอบเดินเล่นและออกไปข้างนอก ช่างระมัดระวัง สามารถเลี้ยงเป็นหมาเฝ้าบ้านได้

โรคที่ต้องระวัง
โรคที่พบบ่อยในสุนัขพันธุ์บูลด็อกคือ โรคที่เกี่ยวกับการหายใจเพราะส่วนใหญ่แล้วสุนัขพันธุ์นี้จะมีหลอดลมเล็ก รวมไปถึงโรคเชอร์รี่อาย (Cherry Eye) โรคเกี่ยวกับสะโพกและเข่า ตัวเมียมีความเสี่ยงในการคลอด อีกโรคที่ต้องระวังคือ ฮีทสโตรก เนื่องจากไม่ชอบอากาศร้อน ดังนั้นไม่ควรพาออกไปข้างนอกหรือปล่อยไว้ในรถในวันที่มีอากาศร้อนจัด

3. เฟรนช์ บูลด็อก (French Bulldog)

ลักษณะทั่วไป
จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขขนาดเล็ก สูง 12 นิ้ว หนักประมาณ 10 กิโลกรัม ศีรษะใหญ่ เห็นกรามเป็นเหลี่ยมชัดเจน หน้าผากกลมนูน หน้ากลมโต หูตั้งตรงรูปร่างเหมือนหูค้างคาว จมูกเชิด ปากบนครอบปากล่าง ขนสั้นเรียบ นิสัยร่าเริง ขี้เล่น ปราดเปรียว ฉลาดหลักแหลม มีความอดทน ชอบเข้าสังคม

โรคที่ต้องระวัง
หมาพันธุ์นี้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคข้อ กระดูกสันหลัง ภาวะเกี่ยวกับหัวใจ และโรคเกี่ยวกับตา ต้องระวังเกี่ยวกับการให้อาหาร เพราะถ้ามีน้ำหนักเกินจะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจตามมา

4. บูลมาสทิฟฟ์ (Bullmastiff)

ลักษณะทั่วไป
หมาขนาดใหญ่ สูง 25-27 นิ้ว หนัก 50-60 กิโลกรัม ศีรษะใหญ่และกว้าง หน้าผากแบน จมูกแบน รูจมูกใหญ่ มีรอยย่นและรอยพับตามใบหน้า นิสัยใจดี อ่อนโยน ไม่ค่อยเห่า เข้ากับเด็กได้ดี แข็งแรง มีพลังงานเหลือล้น

โรคที่ต้องระวัง
เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่น้ำหนักเพิ่มง่าย ฉะนั้นควรระวังเรื่องการให้อาหาร โดยแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ วันละ 2-3 มื้อ ดีกว่าให้มื้อใหญ่มื้อเดียว โรคที่ต้องระวัง ได้แก่ โรคมะเร็ง เนื้องอก ปัญหาเกี่ยวกับหนังตาและเปลือกตา

5. บอสตัน เทร์เรียร์ (Boston Terrier)

ลักษณะทั่วไป
หมาขนาดเล็ก หนักประมาณ 6-11 กิโลกรัม มีลักษณะเด่นคือใบหน้าที่เป็นมิตร หูชี้ตั้ง หัวได้สัดส่วนกับขนาดตัว กรามเป็นเหลี่ยมชัดเจน หางสั้น ขนสั้นลื่น สีดำและสีน้ำตาล บริเวณหลังคอ กลางหน้าผากจนถึงอกจะเป็นสีขาว นิสัยร่าเริง เป็นมิตร ฉลาด

โรคที่ต้องระวัง
โรคที่ต้องระวังของหมาสายพันธุ์นี้จะเป็นกลุ่มโรคที่เกี่ยวกับตา ได้แก่ ต้อกระจก ภาวะหนังตาม้วนเข้าข้างใน เชอร์รี่อาย ตาแห้ง ขนตาซ้อนแยง ต้อหิน กระจกตาเสื่อม และกระจกตาเป็นแผล ส่วนโรคอื่น ๆ ก็จะได้แก่ เนื้องอกตามผิวหนัง ปัญหาเกี่ยวกับการหายใจเมื่อเครียดหรือตอนที่ต้องอยู่ในภาวะร้อนหรือหนาวจัด

6. บ๊อกเซอร์ (Boxer)

ลักษณะทั่วไป
หมาขนาดกลาง สูงประมาณ 60 นิ้ว หนัก 27-31 กิโลกรัม ขนสั้นเรียบลื่น หูตัด ปกติแล้วจะพับแต่เวลาตื่นตัวหูจะตั้ง มีกล้ามเนื้อแข็งแรง ในอดีตถูกเลี้ยงไว้ใช้ทำงาน มีประสาทสัมผัสทางการได้ยินที่ดี นิสัยขี้เล่น ซื่อสัตย์ และรักเจ้าของมาก

โรคที่ต้องระวัง
โรคที่หมาพันธุ์นี้มักจะเป็นกันมาก คือ โรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อมและโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับหัวใจ ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ ต่อมไทรอยด์ เมื่ออายุมากขึ้นจะเสี่ยงต่อการเป็นเนื้องอก โรคไขข้อ และโรคที่เกี่ยวกับหลังและเข่า

7. ไชนีส ชาเป่ย (Chinese Shar-Pei)

ลักษณะทั่วไป
หมาหน้าสั้นที่อยู่ในกลุ่มหมาขนาดกลาง สูงประมาณ 18-20 นิ้ว หนัก 18-25 กิโลกรัม หน้าผากแบน ตาเล็ก จมูกใหญ่และสั้น ใบหูมีขนาดเล็ก ขนสั้น ตอนเด็ก ๆ ผิวหนังมีรอยพับย่นทั่วทั้งตัว เมื่อโตขึ้นผิวหนังตามลำตัวจะเริ่มเรียบ เหลือรอยพับเฉพาะที่ใบหน้า นิสัยซื่อสัตย์ต่อเจ้าของมาก ฉลาด ขี้เล่น กล้าหาญ ระมัดระวังตัวเมื่อเจอคนแปลกหน้า

โรคที่ต้องระวัง
โรคที่มักจะพบในสายพันธุ์นี้ ได้แก่ โรคไตวาย เนื้องอก และโรคผิวหนัง ซึ่งเกิดจากลักษณะของผิวที่พับเป็นรอยย่นทั้งตัว สิ่งสกปรกและความชื้นจึงเข้าไปหมักหมม ก่อให้เกิดแบคทีเรียและเชื้อโรคตามมา

8. คิง ชาร์ลส์ สแปเนียล (English Toy Spaniel)

ลักษณะทั่วไป
หมาขนาดเล็ก สูงประมาณ 10 นิ้ว หนัก 4-5 กิโลกรัม ศีรษะใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัว ตาใหญ่ หูยาวและลู่ลง ขนจะยาวมาก นิสัยขี้เล่น สุภาพ อ่อนโยน ฉลาด เป็นมิตรกับเด็ก สุนัขและสัตว์ชนิดอื่น ๆ

โรคที่ต้องระวัง
มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หายใจติดขัด มักหายใจเสียงดังตอนนอนและตอนอากาศร้อน นอกจากนี้ยังมีโอกาสเป็นโรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับตาและหู ต้องคอยทำความสะอาดและระมัดระวังสิ่งแปลกปลอม

9. เจแปนนีส ชิน (Japanese Chin)

ลักษณะทั่วไป
หมาขนาดเล็ก สูง 7-11 นิ้ว น้ำหนักอยู่ระหว่าง 2-7 กิโลกรัม ศีรษะใหญ่ หน้าผากกว้าง หูเล็ก ตาโต ขนยาว รูปร่างสง่างาม นิสัยร่าเริง ขี้เล่น ปราดเปรียว ฉลาด ซื่อสัตย์กับเจ้าของมาก ไม่ชอบเสียงดัง เข้ากับหมาและสัตว์ชนิดอื่น ๆ ได้ดี

โรคที่ต้องระวัง
เรื่องที่ต้องระวังเป็นพิเศษสำหรับคนเลี้ยงเจแปนนีส ชิน คือ โรคฮีทสโตรก ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับเลี้ยงในบ้าน หลีกเลี่ยงการพาไปข้างนอกในวันที่อากาศร้อนหรือมีแดดจั

10. ปักกิ่ง (Pekingese)

ลักษณะทั่วไป
จัดอยู่ในกลุ่มทอย (Toy) สูง 6-9 นิ้ว หนัก 3.6-4.5 กิโลกรัม ศีรษะใหญ่และแบน ตาใหญ่ กรามอยู่ต่ำ ลำตัวยาว หูยาว เป็นรูปหัวใจ ขนยาว หางม้วนขึ้น นิสัยกล้าหาญ ฉลาด ระมัดระวัง แต่อย่าเลี้ยงแบบตามใจเกินไป เพราะจะได้ใจ ทำให้ไม่เชื่อฟัง ชอบเห่าออกคำสั่ง

โรคที่ต้องระวัง
หมาพันธุ์นี้เป็นหวัดได้ง่ายมาก โรคที่มักจะพบ ได้แก่ หมอนรองกระดุกเคลื่อนทับเส้นประสาท กระดูกหัวเข่าเคลื่อนที่ ขนตาซ้อนแยงดวงตา โรคเกี่ยวกับการหายใจ และโรคหัวใจ

11. ชิสุห์ (Shih Tzu)

ลักษณะทั่วไป
จัดอยู่ในกลุ่มหมาขนาดเล็ก ความสูงเฉลี่ย 11 นิ้ว น้ำหนักอยู่ที่ระหว่าง 4-7 กิโลกรัม ศีรษะมีลักษณะกว้างและกลม หูมีขนาดใหญ่ จมูกสั้นและยาว ตากลมโต ลำตัวยาว ขาสั้น ขนยาวถึงพื้น นิสัยร่าเริง ชอบวิ่ง รักสนุก ค่อนข้างดุและเห่าเก่ง

โรคที่ต้องระวัง
หมาพันธุ์นี้มักจะมีอาการหายใจติดขัดและโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ซึ่งสาเหตุมาจากลำตัวที่ยาวและขาที่สั้น โรคปัญหาเกี่ยวกับตา เชอร์รี่อาย ฟันหลุดล่วง โรคระบบทางเดินหายใจ ตอนนอนจะหายใจเสียงดัง การให้อาหารต้องให้ในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไป เพราะน้ำหนักขึ้นง่าย เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน

นอกจากโรคที่เกี่ยวกับการหายใจและตาแล้ว จะเห็นได้ว่าสุนัขแต่ละสายพันธุ์ที่กล่าวมาจะมักมีโรคที่เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างร่างกาย ดังนั้นแล้วก่อนการเลี้ยงหมาหน้าสั้นควรสำรวจความพร้อมของตัวเองก่อนด้วยว่า สามารถดูแลหรือกำลังในการรักษาเมื่อหมาเป็นโรคเหล่านี้

Cr. AKC, dogtime, dogbreedinfo, vetstreet, vetstreet

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *